แชร์ประสบการณ์ร่วมงานแต่ง "ม้ง" ครั้งแรก
- Pornwadee Bhacharoensuk
- Apr 30, 2021
- 1 min read
เราได้ไปเที่ยวภูชี้ฟ้า จ.เชียงราย เมื่อต้นปี 64 ที่ผ่านมากับเพื่อนรุ่นพี่ชื่อ "พี่ลอย" โชคดีมากที่พี่ลอยมีเพื่อนเป็น"ชาวม้ง" เราผู้ไม่ได้แค่ชอบเที่ยวอย่างเดียวแต่ชอบหาความรู้ใหม่ๆ ให้กับตัวเองด้วยก็เลยรู้สึกดีใจที่จะได้เจอเพื่อนพี่เขา เพราะเราก็อยากรู้หลายๆอย่างที่เกี่ยวกับม้ง เนื่องจากว่าเรามีความสนใจในวิถีชีวิตและความเป็นอยู่ของคนพื้นถิ่นต่างๆ ไม่ใช่แค่ม้ง คนทุกชนชาติ ทุกสายพันธุ์ เราชอบการเข้าไปสัมผัส เรียนรู้วัฒนธรรมจากคน local เหล่านั้นมากๆ ดังนั้นวัตถุประสงค์หลักของการมาเที่ยวเชียงรายครั้งนี้มันไม่ใช่แค่มาขึ้นเขา ดูหมอก แต่เรามาเพื่อเรียนรู้ เพราะตอนนั้นญาติของเพื่อนพี่ลอยกำลังจะแต่งงานพอดีก็เลยอยากมาเห็นว่า "งานแต่งม้งมันต่างจากงานแต่งทั่วไปที่เราเห็นอย่างไร?"
เมื่อมาถึงหน้างาน เพื่อนพี่ลอยกับภรรยาได้ออกมาต้อนรับเราทั้งสองคนด้วยหน้าตาอันยิ้มแย้มและเชิญเข้างาน หน้างานมีประตูทางเข้าที่ประดับตกแต่งอย่างเรียบง่ายด้วยดอกไม้และลูกโป่งสีชมพูปนขาว มีชายหนุ่มสองคนนั่งอยู่ด้านข้างฝั่งขวาของประตูรอต้อนรับและรับซองจากผู้ร่วมงาน ภายในงานมีผู้คนไม่มากนักแต่ที่เห็นได้ชัดคือเต็มไปด้วยเด็กน้อยผู้น่ารักทำให้บรรยากาศงานงานครึกครื้นปนวุ่นวาย เราถูกเชิญให้ไปนั่งที่โต้ะร่วมกับใครก็ไม่รู้ผู้มาร่วมงานเดียวกัน เป็นโต้ะสี่เหลี่ยมต่อกันยาว บนโต้ะมีถ้วยแกงวางเรียงกันโต้ะละสองถ้วย เราแปลกใจมากที่อาหารบนโต๊ะมีแค่อย่างเดียวและทุกคนทานข้าวแบบไม่มีจาน ใช้ช้อนตักแกงมาใส่ถุงข้าวของตนเอง เป็นการกินที่เรียบง่ายและประหลาดที่สุดที่เคยเห็นมา มันทำให้เรานึกถึงตอนที่เราไปเที่ยวเชียงใหม่แล้วเราสั่งอาหารจาก Grab Food มากิน แล้วเขาให้กับข้าวเป็นถุงมาแต่ไม่มีจานและช้อนให้ ตอนนั้นเราไม่กล้าขอจากโรงแรมเพราะเดี๋ยวเขารู้ว่าเราแอบกินส้มตำปลาร้าในห้อง ก็เลยใช้มือกินในถุงเลย คิดแล้วก็ตลกดี แต่ความแตกต่างคือเราไม่เคยกินแบบตักแกงมาใส่ในถุง สิ่งที่เราจะกินในถุงได้ต้องเป็นของแห้งเท่านั้น แต่คนที่นี่เขาคงกินแบบนี้เป็นเรื่องปกติและความเคยชินไปแล้ว เราก็นั่งมองและทำตามเขา ไม่น่าเชื่อว่ารสชาติแกงมันจะอร่อยกว่าที่เราคิดไว้มาก เป็นซุปต้มยำหมู มีความเปรี้ยวกลมกล่อม น้ำแกงร้อนๆ ซดแล้วรู้สึกดี เรากินข้าวจนเกือบจะหมดห่อเลยทีเดียว
จากที่เราถามมาเขาบอกว่างานแต่งม้งมี 2 "แบบคือแบบสากล" กับ "แบบประเพณี" งานที่เราร่วมเป็นงานแต่งแบบสากลเพราะไม่ได้ใส่ชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวแบบพื้นเมือง ในการจัดงานนั้นฝ่ายชายจะฆ่าหมู 1 ตัว และฝ่ายหญิงก็ฆ่า 1 ตัวเช่นกันเพื่อนำมาประกอบอาหารเลี้ยงแขกผู้มาร่วมงาน แขกจะได้ทานทั้งก่อนเริ่มงานและหลังจบงาน อาหารจะมี 1 - 2 อย่างแล้วแต่ทีมงานจะจัดให้ เครื่องดื่มมีน้ำอัดลม เช่นน้ำส้ม น้ำ สไปร์ ส่วนแอลกอฮอล์เราไม่เห็น เลยไม่รู้ว่ามีไหม เมื่อแขกทุกคนรับประทานอาหารเสร็จพิธีการก็เริ่มต้นขึ้น ในพิธีก็จะมีเสียงเด็กร้องไห้บ้าง เด็กเดินไปเดินมาบ้าง ก็ถือว่าสร้างสีสันให้งานดี งานแต่งนี้จัดแบบคริสเตียนเนื่องจากคนที่นี่ส่วนใหญ่นับถือศาสนาคริสต์ โดยจะจัดที่โบสถ์ในหมู่บ้าน ตัวอาคารโบสถ์เป็นเหมือนห้องธรรมดาๆ ที่ทาปูนแต่ไม่ได้ทาสี มีเก้าอี้จัดวางไว้เรียบร้อยแต่แขกในงานไม่สามารถนั่งได้ทุกคนเพราะเป็นห้องเล็กๆ บางคนก็นั่งตรงลานข้างนอก สถานที่ดูธรรมดาแต่ก็ถูกตกแต่งออกมาได้น่ารักสดใส ภายในงานมีพิธีกรพูดภาษาไทยตลอดงาน แต่คนอื่นพูดภาษาม้งหมดเลย เราไม่เข้าใจแต่ก็นั่งฟัง พอเขาให้ยืนเราก็ยืนตาม เราตกใจตอนนึงตอนที่พิธีกรเชิญให้แขกชั้นผู้ใหญ่ไปอวยพรข้างหน้า พวกเขายืนล้อมเจ้าบ่าวเจ้าสาวพร้อมกับยื่นมือออกไป และกล่าวด้วยถ้อยคำเสียงดังกังวานไปทั่วโบสถ์ เป็นคำอวยพรที่มีพระเจ้ามาเกี่ยวข้อง แต่ละคนอวยพรในรูปแบบของตนเองไปพร้อมๆ กัน เราเข้าใจคำเดียวคือคำว่า "อาเมน" เราตกใจเพราะเราไม่เคยเห็นหลาย ๆ คนอวยพรในเวลาเดียวกันแบบนี้มาก่อน ปกติต้องอวยพรทีละคน เราเข้าไปนั่งร่วมพิธีการจนจบงานด้วยความตั้งใจ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ได้รู้จักกับเจ้าบ่าวและเจ้าสาว เราเป็นเหมือนตัวประหลาดของงานที่ทุกคนมองว่า "เธอมาทำอะไรที่นี่?" เราพยายามแต่งตัวให้กลมกลืนกับคนดอยด้วยการใส่ชุดเหมือนสาวดอย แต่คนที่นี่บอกเราว่า "ชุดที่เราใส่คนที่นี่เขาไม่ได้ใส่แบบนี้ ดูยังไงก็ไม่หมือนคนในพื้นที่ เหมือนนักท่องเที่ยวมากกว่า" 555+ เราเพิ่งรู้นะเนี่ย แต่ก็ไม่เป็นไร เราไม่ได้รู้จักเขาแต่เราก็ยินดีกับพวกเขาไปด้วย รู้สึกว่าการได้ร่วมงานแต่งมันทำให้อิ่มเอิบใจ มีความสุขตามเขาไปด้วย บางทีเห็นคนอื่นแต่งงานแล้วก็นึกถึงตัวเองเหมือนกัน "เมื่อไหร่จะได้แต่งงานกับเขาสักทีนะ?"
หลังจบงานเราก็ถามแฟนของเพื่อนพี่ลอยผู้เป็นครูเรื่องสินสอดและอื่นๆ พี่เขาบอกว่าเรื่องสินสอดนั้นสมัยก่อนเขาจะใช้แบบเป็นเงินแท่น 4 แท่น แต่ปัจจุบันก็แล้วแต่ทางเจ้าบ่าวเจ้าสาวจะคุยกัน หลังจากแต่งงานเจ้าสาวต้องไปอยู่บ้านเจ้าบ่าวเพื่อปรนนิบัติรับใช้สามี ของชำร่วยไม่มี งานเย็นจะมีไม่มีก็ได้แล้วแต่งบประมาณของทางผู้จัดงาน สรุปว่างานแต่งม้งก็เป็นอะไรที่เรียบง่ายดี เราชอบมาก ก่อนกลับคุณครูได้ขับมอเตอร์ไซต์พาเราไปชมดอกซากุระเมืองไทยสีชมพูบานเบ่งสวยงามเรียงราย เด็กๆ และคุณครูโรงเรียนนี้โชคดีจังที่ได้อยู่กับธรรมชาติทุกวัน บางทีเราก็อยากไปเป็นครูบนดอยเหมือนกันนะ... อยากใช้ชีวิตง่ายๆ มันคงมีความสุขมาก

コメント