💕ดอยชมดาว💕 นึกว่าดอยส่วนตัว
- Pornwadee Bhacharoensuk
- May 5, 2021
- 1 min read
เชื่อว่าหลายคนไม่รู้จักที่นี่ เราไปมาเมื่อเดือนธันวาคม 63 ไม่มีคนเลยจ้า นึกว่าดอยส่วนตัว 😆❗️❗️❗️
ทริปนี้เราไปกับเพื่อนคนนึงชื่อ "ต๋อ"เป็นเพื่อนร่วมชั้น เราอบรมมัคคุเทศก์ด้วยกัน เราสนิทกันมากจนทุกคนในห้องคิดว่าเราคบกัน แต่เราไม่ได้แคร์เพราะเราคิดกับต๋อแค่เพื่อน หลังจากเรียนจบเราอยากฉลองด้วยการไปเที่ยวที่ไหนสักที่ ต๋อก็เลยชวนเราไปเที่ยวแม่ฮ่องสอนด้วยกันเพราะเขาบอกตั้งแต่ยังเรียนไม่จบแล้วว่า เขามีที่พักอยู่นั่นและอยากชวนเพื่อนๆไปเที่ยวด้วยกันหลังเรียนจบ และในที่สุดเราก็ได้ไปจริงๆ ส่วนทริปนี้ก็เป็นทริปต่อจากแม่ฮ่องสอน ซึ่งเราก็ไม่ได้คิดว่าต๋อจะตามเรามาเพราะเราตั้งใจจะมาน่านตั้งนานแล้วและจองตั๋วล่วงหน้าไว้เป็นเดือนแล้ว ส่วนต๋อเพิ่งจะจองตามเรามาหนึ่งวันก่อนเดินทาง และเขาก็จองผิดวันอีกแต่โชคดีที่เพื่อนที่เรียนด้วยกันทำงานสายการบินก็เลยไม่เสียเงินเปล่าและได้ตั๋วเดินทางไปพร้อมกับเรา เราตั้งใจมาเที่ยวน่านและจุดมุ่งหมายหลักของเราคือ "ปัว" ส่วน "ดอยชมดาว" เราไม่เคยรู้จักมาก่อน ต๋อเป็นคนแนะนำให้เพราะเพื่อนของตนเพิ่งไปมาและเห็นว่ารีวิวน่าไปดี เราก็เลยตัดสินใจไปแบบไม่ได้คิดอะไรเพราะเราก็เป็นคนง่ายๆอยู่แล้ว เราไปได้ทุกที่โดยเฉพาะที่ที่ไม่เคยไป มันก็น่าจะตื่นเต้นดี เราก็เลยนัดเจอต๋อที่สนามบินและเดินทางพร้อมกันไปยังน่าน และเมื่อถึงน่านเราได้เช่ามอเตอร์ไซต์ขับโดยต๋อเป็นคนขับ ส่วนเราเป็นคนซ้อน
ดอยชมดาวอยู่ในหน่วยพิทักษ์อุทยานนาดอย เราก็เลย search ชื่อ "หน่วยพิทักษ์อุทยานนาดอย" แล้วก็ไปตาม Google map ระยะทางก็ประมาณดอยเสมอดาว ไปทางเดียวกันเลยแต่ไกลกว่า ก่อนถึงดอยจะเป็นหมู่บ้าน เราได้แวะซื้อหมู น้ำจิ้ม และของใช้อื่นๆ ก่อนที่จะขึ้นดอยเพราะคุณป้าผู้ดูแลที่พักได้บอกกับเราว่าถ้าอยากกินหมูกระทะก็ซื้อวัตถุดิบมาได้เลย ที่พักมีอุปกรณ์ปิ้งย่างให้ เมื่อซื้อเสร็จก็เดินทางต่อ ทางขึ้นดอยจะอยู่ซ้ายมือถ้ามาจากในเมือง ขับเข้าไปแรกๆ จะเห็นแปลงผักของชาวบ้าน ดูเหมือนทางจะไม่ได้ขับยากอะไร แต่พอเข้าไปเรื่อยๆ ทางก็ยิ่งยากต่อการขับมากกว่าที่คิด ทางเข้า 10 กม. เป็นทางลูกรังขรุขระ อันตราย ใครที่จะมาควรไปด้วยรถ four wheels หรือมอเตอร์ไซต์ก็ไปได้แต่ต้องเป็นรถแบบมีเกียร์ เพราะทางขับยากจริงๆ ลองไปแล้วจะรู้เอง 555+ คนที่มาที่นี่ส่วนใหญ่ก็จะเหมารถของชาวบ้านขึ้นไปบนดอย
เราดีใจมากเมื่อถึงที่พักเพราะเราปวดก้นมาก 555+ นั่งเกร็งมาตลอดทาง
🏕 ที่พักมีเป็นเตนท์ กระโจม และกระต๊อบเล็กๆ พร้อมกับห้องน้ำรวม ราคา 500 - 1,500 บ. เราพักเตนท์มันเป็นเตนท์เล็ก คนขายาวก็จะนอนไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ 555+ ในเตนท์มีอุปกรณ์การนอนให้เรียบร้อยไม่ต้องพกอะไรไป ตอนที่มาถึงที่พักเป็นเวลาเย็นพอดีเราก็เลยโชคดีได้เห็นพระอาทิตย์ตก ดอยชมดาวเห็นวิวได้ 360 องศาเลยนะ ดีงามมาก แต่ข้อเสียคือ..
❌ไม่มีไฟฟ้า ใช้ไฟจากหลอดไฟพกพา ควรพกไฟฉายไป สัญญาณเน็ตเข้าถึงแต่ค่อนข้างช้า ❌ อาหารตามสั่งไม่มี ❌ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อไม่มี ที่พักขายแค่ มาม่า ขนม และเครื่องดื่ม
หลังจากดูพระอาทิตย์ตกเสร็จเราก็อาบน้ำ ไม่น่าเชื่อว่าห้องน้ำที่นี่มีชักโครกด้วย!! และสะอาดกว่าที่คิดแบบไม่น่าเชื่อว่านี่คือห้องน้ำบนดอย จริงๆแล้วก็เป็นเพราะว่าที่นี่เพิ่งเปิดรับนักท่องเที่ยวเดือนนึงก่อนที่เราจะมาเที่ยวนี่เอง อะไรๆ มันก็เลยยังดูใหม่อยู่ ข้อเสียอย่างนึงของห้องน้ำคือมันไม่ค่อยมิดชิด มีรูมองผ่านได้ เราอาบน้ำไประแวงไปกลัวคนมาแอบมอง แต่ก็ดีที่ตอนที่เราไปไม่ได้มีคนอื่นนอกจากเรากับเพื่อนที่มาด้วยกัน อาบน้ำเสร็จก็ทำหมูกระทะกิน คุณลุงตามมาหาคุณป้าที่ที่พักเพราะเห็นว่าค่ำแล้วเลยมาอยู่เป็นเพื่อนคุณป้าพร้อมกับก่อไฟให้เรา อากาศตอนกลางคืนดีมาก หนาวๆ ลมพัดเย็นๆ นั่งผิงไฟไปกินหมูกระทะไปเป็นอะไรที่ฟินมาก คืนนั้นมันเป็นคืนที่เราชอบมากๆ บรรยากาศความเงียบสงบ ทั้งดอยมีแค่เรา เพื่อนและคุณป้าคุณลุง นั่งคุยกัน ไม่มีเสียงอื่นใดมารบกวน มันเป็นความสงบที่ไม่ได้มีในทุกๆวัน พวกเราคุยกันด้วยความเพลิดเพลินจนได้เวลาสมควรแก่การนอน เราจึงเดินกลับไปที่เตนท์ นั่งดูดาวก่อนเข้านอน ดาวที่นี่เต็มฟ้าสวยงามไม่แพ้ดอยเสมอดาวเลยนะ.. เรานั่งเงียบๆชื่นชมบรรยากาศความเงียบสงบ เตนท์อื่นๆไม่มีคน กระโจมไม่มีคน รอบข้างไม่มีคน รู้สึกว่าทั้งดอยเป็นของเราเหมือนเราเหมาที่นี่มาเลย เราก็นั่งเล่นคุยกันกับต๋อสองคน มันโรแมนติกมากถ้ามากับแฟนคงจะดีมากๆ และก่อนเข้านอนก็มีคำถามนึงได้ออกมาจากปากต๋อตอนนั้นคือ "เมื่อไหร่เธอจะตกลงเป็นแฟนกับเค้าสักที?"
ต๋อชอบเรามาก ชอบมาตั้งแต่ตอนเรียนด้วยกันจนจบคอร์สแต่เราไม่เคยสนใจเขาเลย และทริปนี้ที่ต๋อมาเพราะอยากมาเที่ยวกับเรา ต๋ออยากเป็นแฟนกับเรามากๆ แต่เราก็ได้บอกเหตุผลไปแล้วว่าเพราะอะไรเราถึงไม่คบเขาเป็นแฟน การมาเที่ยวด้วยกันในครั้งนี้มันก็เป็นความทรงจำที่ดี แต่ก็ไม่ใช่ว่ามันจะทำให้เราใจอ่อนยอมคบกับเขาได้
วันต่อมา เราตื่นรุ่งเช้าตั้งแต่ฟ้ายังมืดด้วยความตั้งใจที่จะรอจะดูพระอาทิตย์ขึ้นและหมอกอันสวยงามแต่เราก็ไม่ได้เห็นภาพที่คิดไว้ด้วยความที่ลมแรงมาก แรงจนตัวเราแทบปลิว แรงจนพลัดหมอกไปหมดแล้ว คุณลุงคุณป้าผู้ตื่นมาก่อนเราก็มาก่อไฟให้เราและบอกว่า "ต้มมาม่ากินได้นะ ป้ากับลุงจะลงดอยแล้ว ส่วนกุญแจเตนท์ก็แขวนแอบๆไว้แถวนี้ได้" หลังจากนั้นเราก็อยู่กับต๋อสองคน กินมาม่าร้อนๆท่ามกลางอากาศหนาวเย็นมันรู้สึกอร่อยกว่าปกตินะ เราไม่ได้พูดเรื่องความสัมพันธ์กันต่อเพราะต่างคนก็ต่างรู้แล้วว่ามันเป็นไปไม่ได้ "เพื่อนกันดีที่สุดแล้ว" เราพยายามบอกต๋อเพื่อไม่ให้เขารู้สึกแย่ กินเสร็จก็เดินเล่น ลืมเรื่องร้ายๆ สักพัก ชื่นชมบรรยากาศตรงหน้า มีความสุขกับวิวธรรมชาติ ถ่ายรูปเล่น พูดคุยกับคนในพื้นที่ที่ทำไร่ข้าวโพด มันสนุกมากเลย เราอยู่บนดอยจนสายแดดเริ่มมาก็เลยเตรียมตัวกลับ
จบทริป...
ก็อยากจะบอกว่า...ถ้ารักใครชอบใครอย่าคิดว่าแค่การเที่ยวด้วยกันมันจะทำให้ความสัมพันธ์มันพัฒนาได้ เพราะ "คนไม่ใช่ยังไงมันก็ไม่ใช่"
Comments